ความเป็นมาของดอกเมย์เมียว
เมย์เมียวเป็นชื่อเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของพม่า ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไม่ไกลนัก ใช้เวลานั่งรถยนต์ราวสองชั่วโมงครึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ สภาพภูมิอากาศหนาวเย็นสบายตลอดปี เมืองนี้มีชื่อในภาษาพม่าว่าเมือง “ปินอูลวิน” แต่ที่ถูกเรียกว่า “เมย์เมียว” ก็เนื่องมาจากในสมัยที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ พันเอกเมย์ ฟลาวเวอร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบอังกฤษ ได้รับแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่ปราบปรามและคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศพม่า
ผู้พันเมย์จัดตั้งสถานีรบและบ้านพักอยู่ที่เมืองปินอูลวินเพราะเหตุว่าเมืองมัณฑะเลย์นั้นอากาศร้อนอบอ้าว ต่อๆมาพวกนายทหารและข้าราชการอังกฤษที่เข้ามาปกครองเมืองพม่าก็ไปตั้งหลักปักฐานกันอยู่ที่นั่นเพราะมีสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศของตน
ผู้พันเมย์นอกจากจะเป็นนักรบแล้วยังเป็นคนชอบดอกไม้ เขาจึงนำพันธุ์ดอกไม้ในเมืองหนาวเข้ามาปลูกที่เมืองนี้ และต่อมาเมืองปินอูลวินก็ถูกเรียกว่าเมืองเมย์เมียว ซึ่งหมายถึงเมืองของผู้พันเมย์ แม้ว่าผู้พันเมย์จะจากไปแล้วแต่ชื่อของเขาก็ได้กลายเป็นชื่อเมืองและชื่อดอกไม้
ดอกเมย์เมียวเดินทางไกลจากอังกฤษมาถึงพม่าและขยายพันธุ์ต่อๆมาได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเดินทางจากเมืองพม่ามาถึงเมืองไทย ผมเข้าใจว่าดอกไม้ที่มีชื่อเรียกว่าเมย์เมียวคงไม่ใช่ดอกไม้ชนิดนี้ชนิดเดียวเท่านั้น เพราะดอกไม้ที่แม่ค้าที่แม่ฮ่องสอนบอกผมว่าเป็นดอกเมย์เมียวนั้นมีลักษณะต่างจากดอกเมย์เมียวซึ่งมีลักษณะคล้ายดอกเบญจมาศเล็กๆที่ไกด์ไทยใหญ่ในพม่าชี้ให้ผมดู
ผมคิดว่าชื่อเมย์เมียวอาจจะใช้เรียกดอกไม้ชนิดต่างๆที่ผู้พันเมย์นำมาจากบ้านเกิดเพื่อมาปลูกที่พม่า และต่อมาจึงพากันเรียกชื่อดอกไม้ตามชื่อเมืองที่มันจากมาก็เป็นได้
แม้ครั้งหนึ่งประเทศพม่าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ แต่ดอกเมย์เมียวก็ไม่ได้เป็นดอกไม้ของประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ พม่า หรือไทย หากแต่เป็นดอกไม้ของมวลมนุษยชาติ เพราะดอกไม้มีอิสระเสรีที่จะเติบโตและแพร่พันธุ์ ดอกไม้ไม่เคยหวงความงามไว้เฉพาะสำหรับผู้ปลูกเท่านั้น แต่มันเบ่งบานเพื่อเผยความงามให้แก่ทุกคนที่ได้พบเห็น